หน้าเว็บ

Interview


          หลายๆคนคงอาจเคยได้ยินสำนวนสุภาษิตที่ว่า "กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่" ผ่านหูกันมาบ้างแล้ว บางคนอาจมองว่าเป็นการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเกินไปหรือไม่ แต่ถ้าหากลองมองไปในอีกแง่มุมหนึ่งจะพบว่าสำนวนข้างต้นได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่างวิถีชีวิตคนไทยกับการรับประทานขนมหวานที่มีมาช้านาน
          ในอดีตมุมมองที่มีต่อขนมไทยสำหรับคนทั่วๆไปอาจมองว่าเป็นขนมที่มีแต่ความหวานและไม่ดีต่อสุขภาพหากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินความพอดี แต่ในปัจจุบันได้มีการประดิษฐ์คิดค้นสูตรในการทำขนมไทยรูปแบบใหม่ออกมาให้เลือกชมและเลือกชิมกันอย่างแพร่หลายตามความต้องการ
          วันนี้ดิฉันมีโอกาสได้ไปเดินเล่นหาของหวานทานดับร้อนที่เกาะเกร็ด เมื่อเดินผ่านไปตามซอยเล็กๆก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังแข่งกับเสียงเรือว่า"เชิญชิมขนมดอกจอกโบราณกันก่อนค่ะ เป็นเจ้าเดียวที่ใส่สมุนไพรนะคะ"ได้ยินเช่นนั้นจึงได้เข้าไปพูดคุยกับคุณสุกัญญา เจ้าของกิจการขนมดอกจอกงาดำ
คุณสุกัญญาได้บอกกับเราว่าขนมดอกจอกของร้านนั้นเป็นขนมดอกจอกงาดำผสมกับขมิ้นชันซึ่งเป็นสมุนไพรของไทย เมื่อพูดถึงประวัติของขนมดอกจอกก็นั้นถือได้ว่าเป็นขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยในอดีตนั้นขนมดอกจอกจะมีส่วนผสมที่ธรรมดาไม่ได้แปลกใหม่อะไรนัก แต่ในปัจจุบันทางร้านได้ทำการประยุกต์คิดค้นสูตรใหม่ด้วยการนำเอาขมิ้นชันเข้ามาเป็นส่วนผสม อีกทั้งยังมีการนำเอางาดำมาใช้ในการทำขนมดอกจอกด้วย ซึ่งทั้งขมิ้นชันและงาดำนั้นก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารและสามารถเพิ่มมูลค่าของขนมได้อีกด้วย โดยในอดีตจะไม่มีการนำส่วนผสมทั้งสองอย่างข้างต้นใส่ลงไปในขนมดอกจอก แต่ขนมดอกจอกของทางร้านก็ยังคงความเป็นขนมดอกจอกโบราณทั้งทางรูปแบบกรรมวิธีในการทำและยังคงไว้ซึ่งลักษณะรูปทรงของขนมดอกจอก แต่ทำการประยุกต์ก็เพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวขนมเพียงเท่านั้น
เมื่อถามถึงเสน่ห์หรือเอกลักษณ์ของขนมไทยที่แตกต่างจากขนมของชาติอื่น คุณสุกัญญาก็กล่าวกับเราว่า อย่างแรกขนมไทยเป็นขนมที่มีรสชาติที่ไม่หวานมากจนเกินไป อย่างต่อมาลักษณะรูปทรงยังบ่งบอกถึงความประณีตบรรจงในการทำและแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย อาจเรียกได้ว่านอกจากขนมไทยจะขายรสชาติภายในที่กลมกล่อมถูกปากให้แก่ผู้ชิมแล้วนั้น ยังขายความสวยงามภายนอกให้แก่ผู้ที่รับประทานอีกด้วย ทำให้ผู้ที่พบเห็นหรือผ่านไปมามีความรู้สึกที่อยากจะลองชิมหรือซื้อหาไปฝากผู้อื่น โดยทางร้านจะเน้นแนะนำตัวขนมแต่ละชนิดและให้ลูกค้าลองชิมขนมดูก่อน อย่างน้อยก็เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงรสชาติของขนม ถ้าหากขนมอร่อยถูกปากถูกใจลูกค้าก็จะตัดสินใจซื้อเอง
นักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อขนมของทางร้านจะมีทุกช่วงวัยคละกันไป ตั้งแต่ เด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน ไปจนถึงวัยสูงอายุเลยทีเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวบางคนยังไม่เคยทานแล้วอยากรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร บางคนลองชิมแล้วรสชาติอร่อยถูกใจจึงตัดสินใจซื้อ หรือผู้ใหญ่บางท่านเคยมีประสบการณ์ลองชิมจากที่อื่นแล้วไม่อร่อย พอมาชิมของทางร้านแล้วรสชาติดีเขาจึงตัดสินใจซื้อก็มี ซึ่งเมื่อก่อนขนมดอกจอกจะเป็นเหมือนแป้งทอดรสชาติธรรมดาที่ยังไม่มีการประยุกต์ใดๆ แต่เมื่อทำการปรับปรุงสูตรให้ทันสมัยและดูดีขึ้น และปรับเปลี่ยนรสชาติให้กลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป เนื่องจากในอดีตขนมไทยจะมีรสค่อนข้างหวานมาก แต่ในปัจจุบันคนหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น

สุดท้ายนี้หากเพื่อนๆท่านใดที่มีโอกาสได้แวะเวียนมาเที่ยวที่เกาะเกร็ด ก็อย่าลืมหาเวลาไปเยี่ยมชมและแวะชิมขนมดอกจอกงาดำของร้านคุณสุกัญญาได้ โดยเมื่อทำการข้ามเรือมายังเกาะเกร็ดเรียบร้อยแล้วให้เดินมาทางด้านขวามือ เดินตรงมาตามทางเรื่อยๆจะพบร้านอยู่ด้านซ้ายมือก่อนจะถึงวัดไผ่ล้อม ซึ่งสามารถเข้ามาดูกรระวิธีการทำขนมดอกจอกของทางร้านได้เลยค่ะ





Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 4.0 International License.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น