“ขนม” จัดได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับอาหารไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอดีต
ดังคำที่หลายคนมักเคยได้ยินว่า “ทานของหวานล้างปาก” หลังจากที่ได้ทานอาหารคาวกันไปแล้ว
นอกจากขนมไทยจะมีรสชาติที่อร่อยละมุนลิ้นและมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามชวนให้ผู้ที่พบเห็นอยากรับประทานแล้วนั้น
เรายังสามารถทำการประยุกต์ปรับปรุงสูตรและรูปร่างของตัวขนมเพื่อเพิ่มมูลค่าจากเดิมได้อย่างมากเลยทีเดียว
แต่เดิมนั้นขนมไทยเป็นขนมที่ใช้ส่วนประกอบของวัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานชนิดต่างๆได้มากหลายรูปแบบ
เพราะวิถีชีวิตของคนไทยนั้นเป็นสังคมเกษตรกรรมที่มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมาย
เช่น กล้วย อ้อย มะม่วง รวมไปถึงข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ ที่สามารถปรุงเป็นขนมได้หลายชนิด
เช่น กะทิที่ได้จากการเก็บมะพร้าวมาขูดคั้นน้ำกะทิ หรือการนำเอาข้าวมาโม่เป็นแป้ง
แล้วนำไปใช้ทำขมนต่างๆ เราอาจถือขนมเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไร
เพราะขนมแต่ละชนิดล้วน มีเสน่ห์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน ประณีต
วิจิตรบรรจงในรูปลักษณ์ ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ วิธีการทำที่กลมกลืน ความพิถีพิถัน
สีที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอม รสชาติของขนมที่ละเมียดละไมชวนให้รับประทาน
โดยขนมไทยหลากหลายชนิดผู้ทำสามารนำมาใส่ความคิดสร้างสรรค์ของตนเองโดยการ
แปลงโฉมหน้าตาให้แปลกใหม่ สวยงาม ขนาดชิ้นพอดีคำ สะดวกต่อการกิน ขณะที่รสชาติยังคงความละมุน
อร่อย หอมหวานแบบไทย หรืออาจจะนำประเด็นด้านสุขภาพมาปรับปรุงสูตรขนมให้ดีต่อสุขภาพ
โดยการลดความหวานให้น้อยลงและอาจนำเอาสมุนไพรไทยหรือธัชพืชมาใช้เป็นส่วนประกอบของตัวขนม
ซึ่งนับเป็นไอเดียเพิ่มมูลค่าสินค้า ขยายสู่ตลาดใหม่
สำหรับเป็นสินค้าของฝากของขวัญมอบในงานเทศกาลต่างๆ แต่สิ่งที่สำคุญที่ต้องตระหนักถึงคือแม้รูปโฉมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไป
แต่สำหรับด้านรสชาติแล้ว ยังต้องคงเอกลักษณ์ความหอมหวานของขนมไทยแท้ๆ
ซึ่งเป็นรสชาติที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบและนิยมอยู่เสมอเอาไว้ด้วย
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 4.0 International License.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น